วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เอ้าา! คำว่า 'หัวร้อน' มาจากภาษาอังกฤษหรอเนี่ย

'หัวร้อนวุ้ยยยย'


ผู้ใหญ่อ่านคงจะงงไม่น้อย หัวร้อน ก็พักผ่อนสิเดี๋ยวอาการจะแย่เอา ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่ใช่นะคะ หัวร้อน คือหงุดหงิด ใจร้อน อารมณ์บ่อจอย ไม่ได้เป็นไข้แต่อย่างใด

หัวข้อวันนี้ไม่ได้จะมานำเสนอคำศัพท์ใหม่แต่อย่างไร แต่! ฟางมาชวนเพื่อนๆทำความรู้จักคำว่า 'หัวร้อน!' กัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ววัยรุ่นเราจะเจอคำนี้ในโลกออนไลน์กันเยอะ และฟางเชื่อว่าหลายคนคงตั้งคำถามว่า คำนี้มันมาจากไหนกันนะเหมือนกับที่ฟางเองก็อยากรู้ ฮ่าๆๆ และหลังจากที่ได้รีเสิร์ชก็พบว่า!!.. 'หัวร้อน' ถ้าเป็นภาษาไทยจะได้ยินจากคนใต้เพราะเป็นคำศัพท์ที่แปลว่า แย่ และ กำลังเดือดร้อน... ซึ่งเราๆไม่ได้ใช้ในความหมายตามภาษาถิ่นปักษ์ใต้กันจริงมั้ยล่ะ

แต่.. 'หัวร้อน' ที่เราๆใช้กันตั้งแคปชั่น ตั้ง'เตตัสบนเฟสบุ๊ค  หลายคนใช้คำนี้เพื่อแสดงอาการ หงุดหงิด โมโห ไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งคำแปลเหล่านี้ก็ไปตรงกับคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ นั่นคือ 'Hothead' และคำนี้ถูกเผยแพร่โดยเหล่า เกมเมอร์ (Gamer) เวลาพวกเขาเล่นเกมส์ ไม่ได้ดั่งใจ เล่นแพ้ เจอคนเก่งกว่า และเกิดอารมณ์อยากจะตามไปเตะตูดคนที่เล่นชนะซะตอนนั้นเลย ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกว่า Hotheaded! ยังไงล่ะ..

พรรณนาซะยาว เรามารู้จักวิธีใช้กันเลยยยย!

HOTHEAD (n.)  someone who does things or reacts to things quickly without thinking carefully first.

Source: http://dictionary.cambridge.org/dictionary/english/hothead 

คำว่า 'Hothead' ใช้เป็นได้ทั้ง คำนาม (Noun) คำวิคุณศัพท์ (Adjective) คำวิเศษณ์ (Adverb) ดังนี้

Hothead (cn.) 
   eg. He is called as a loser, so he has got a bit of a hothead.
         เขาหัวร้อน(โมโห)มาเพราะถูกเรียกว่าไอ้ขี้แพ้ไงล่ะ

Hotheadedness (un.)
   eg. His hotheadedness is hard to be controlled.
         อาการหัวร้อน(ความใจร้อน)ของเขายากที่จะคุมมันได้

Hotheaded (adj.)
   eg. She feels hotheaded after knowing that her ex got a new girl.
         นางหงุดหงิดหลังจากรู้ว่าแฟนเก่านางมีแฟนใหม่ไปแล้ว

Hotheadedly (adv.)
   eg. She hotheadedly blamed on her friends when she flunked out.
         นางโทษเพื่อนอย่างหุนหันพลันแล่นตอนนางสอบตก.

เมื่ออ่านจบแล้ว ฟางก็หวังว่าทุกคนจะ 'หัวร้อน' กันน้อยลง เข้าใจการใช้คำเหล่านี้ได้ถูกต้องมากขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบล็อคนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านและทุกวัย หากผิดพลาดตรงไหนฟางขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

หากสงสัยหรือมีคำถามสามารถถามเข้ามากันได้เลยนะคะ 

THANK YOU!!

วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560

มารู้จัก Part of Speech กัน !!

พูดก็คุ้นหู อ่านก็คุ้นตา ใช่มั้ยล่ะ สำหรับBlogนี้ ฟางเลยอยากจะชวนเพื่อนๆมาแม่น *Part of Speech ขั้นเบสิคกัน! งั้น.. เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า!!

*สรุปจากหนังสือ Advanced English Grammar For High Learners - เขียนโดย คุณสำราญ คำยิ่ง


Part of Speech ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ "ส่วนของคำพูด" หรือ "ชนิดของคำพูด" จะพูดให้เข้าใจก็คือ ชนิดของแต่ละคำในประโยคหนึ่งที่พูดออกมานั่นแหละ ซึ่งมันก็ได้แบ่งออกเป็น 8 ชนิดดังนี้เบยยย
     1. Noun (นาม)
     2. Pronoun (สรรพนาม)
     3. Verb (กริยา)
     4. Adverb (วิเศษณ์ หรือ กริยาวิเศษณ์)
     5. Adjective (คุณศัพท์)
     6. Preposition (บุพบท)
     7. Conjunction (สันธาน)
     8. Interjection (อุทาน)


มาเริ่มจาก Noun ซึ่งคำนี้ก็แปลตรงๆเลยก็คือ นาม/ชื่อ ที่ใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ คุณสมบัติ หรือ คุณค่า หากแบ่งตามประเภทของคำนามในภาษาอังกฤษก็จะแบ่งออกได้เป็น 8 ชนิดด้วยกันดังนี้
1           Common Noun หรือ สามานยนาม
-         นามที่เป็นชื่อทั่วไปของคน สัตว์ สิ่งของ Eg. Man, garden, dog, basket, apple, house, etc.
2          Proper Noun หรือ วิสามานยนาม
-         นามที่เป็นชื่อเฉพาะของ คน สัตว์ สิ่งของ Eg. Logan, Bangkok, Sony, etc.
3          Collective Noun หรือ สมุหนาม
-         นามที่เป็นชื่อของหมู่คณะ กลุ่ม ฝูง พวก Eg. A flock of sheep, a bunch of flowers, a gang of thieves, a cluster of stars, family, government, jury, mob etc.  
4          Material Noun หรือ วัตถุนาม
-         นามที่เป็นชื่อเรียกของวัตถุจำพวกแร่ ธาตุ โลหะ ของเหลว/แข็ง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Mass Noun (นามมวลสาร)
Eg. Sugar, cream, rice, leather, ink, mud, soap, etc.
*คำนามประเภทนี้ไม่ใช้ Article นำหน้าเนื่องจากเป็นประเภทคำนามที่นับไม่ได้โดยจะใช้เป็น Numeral + Common noun + of + MATERIAL NOUN เช่น A Glass of milk
5          Abstract Noun หรือ อาการนาม
-         นามที่เป็นชื่อของสภาวะ สถานะ คุณลักษณะ หรือการกระทำของคน สัตว์ สิ่งของ
Eg. Pleasure, death, cure, Prevention, beauty, honesty, etc.
6          Noun Equivalent หรือ สมมูลย์นาม
-         คำหรือวลีใดๆที่ซึ่งตามรูปลักษณะแล้วไม่ได้เป็นนาม แต่นำมาใช้ทำหน้าที่เป็นเสมือนนาม ซึ่งนามประเภทนี้มีอยู่ 5 ชนิดดังนี้
o   Infinitive noun คือ กริยาที่มี to นำหน้า (to + verb1) 
      Eg. To sleep is necessary for health.       
o   Gerund noun คือ กริยาที่เติม –ing (running, eating, sleeping, etc.)
      Eg. Sleeping at midday is necessary for a baby.
o   Adjective คือคุณลักษณะที่ทำหน้าที่เป็นนาม
      *คำนามประเภทนี้ต้องใช้ the นำหน้าทุกครั้ง และถือเป็นพหูพจน์ด้วย
      Eg. The rich must help the poor.
o   Phrase คือ วลีนำมาใช้อย่างนาม
Eg. I do not know what to say.
o   Clause คืออนุประโยคทำหน้าที่เสมือนนาม
Eg. What I’m doing now is complicated to explain.
7         Compound Noun หรือ นามผสม
-         คำนามที่ผสมนาม 2 คำ มาเขียนติดกันเป็นคำเดียว หรือจะเขียนแยกก็ได้แต่จะมี (-) คั่นกลางด้วยหรือไม่มีก็ได้
Eg. Moon + life = Moonlight
      Swimming + pool = Swimming-pool/ swimming pool
      Bangkok + bank = Bangkok Bank
      Mango + tree = Mango tree
8          Agent Noun หรือ นามแสดงความเป็นผู้กระทำ
-         นามชนิดนี้จะมีรูปร่างมาจากกริยาโดยคำกริยาจะถูกเติมด้วย Suffix เช่น –er, -or, -ent, -ant, -ist, และ –ician.
Eg. Act – Actor
Art – Artist
      History – historian

Extra: Countable and Uncountable Nouns คำนามที่นับได้และนามที่นับไม่ได้

Countable noun คือ คำนาม คน สัตว์ สิ่งของ ที่นับได้ โดยไม่ต้องใช้เครื่อง ชั่ง ตวง วัด เข้ามาช่วย และสามารถเติบ Article และ จำนวนนับได้เลย คำนามเหล่านี้จัดอยู่ในประเภท
Common noun, Proper noun, Collective noun, Compound noun, และ Agent noun

Uncountable noun คือ คำนามที่แยกนับเป็นรายตัวไม่ได้ ต้องวัดด้วยปริมาณ มาก น้อย ไม่นับเป็นชิ้นๆ คำนามเหล่านี้อยู่ในประเภท
Material noun, Abstract noun, และ Noun-Equivalent

บรรณานุกรม

สำราญ คำยิ่ง. (2552). Advanced English Grammar for High Leaners. กรุงเทพ: อทรินทร์ บุ๊ค เซนเตอร์ จำกัด.


ติดตามบล็อกต่อไปจะมาสรุปในหัวข้อ หน้าที่ของคำนาม 
ปล. รีเควส และถามกันมาได้ เค้าอยากสรุปให้ย์ 

Requester: Akekasit Subannapong (Bomb)
Author :Jutatip Luechai (Fang)

THANK YOU!

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

อ่อ! Above กับ Over ใช้แบบนี้นี่เอง

มาทำความเข้าใจกับหลักการเลือกใช้ Above/ Over กันดีกว่า

หลายคนคงเคยสับสนเวลาต้องเลือกใช้คำว่า Above กับ Over ในขอบเขตของคำบุพบท (Prepositions) ซึ่งทั้งสองคำแปลเผินๆเหมือนความหมายมันคล้ายกันใช่มั้ยล่ะ นั่นคือ บน กว่า สูง หรือ เหนือ นั่นเอง ซึ่งจริงๆแล้วมันก็มีความหมายเหมือนกันนั่นแหละ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีความหมายที่ต้องใช้แตกต่างกันออกไป อ๊ะ! งง อ่ะดิ.. มาดูกันเลยดีกว่า!

แต่! ก่อนอื่นดูความหมาย Above/ Over ในส่วนของคำบุพบท (Preposition) กันก่อนดีกว่าา ^^

  • Over    US /ˈoʊ.vɚ/, UK /ˈəʊ.vərmeans: above or higher than something else, sometimes so that one thing covers the other.

Check for more examples, meanings and pronunciation: http://dictionary.cambridge.org/ 

และตอนนี้ฟางกำลังจะพูดถึงความเหมือน และ แตกต่างของทั้งสองคำนี้ เรามาเริ่มจาก..
*สรุปตามความเข้าใจของฟางจากหนังสือ Basic English Usage - Michael Swan


1. 'ความเหมือน' ในความหมายของ Above และ Over คร่าวๆ

ในความหมายทั่วไป คำว่า Above และ Over แปลความหมายได้เหมือนกันคือ "สูง,เหนือ, กว่า (higher than..)" ในกรณีทั่วไป

ฉนั้นในกรณีนี้เราสามารถเลือกใช้ above หรือ over ก็ได้ เพราะไม่ว่าจะใช้คำไหนก็สื่อความหมายออกมาได้เหมือนกันนั่นเอง 

ตัวอย่าง เช่น There's a spider on the ceiling just above/over your head. 
(แปล: มีแมงมุมบนเพดานเหนือศีรษะของคุณ)

2. 'ความต่าง' ของ Above และ Over ส่วนนี้ก็จะเจาะจงความหมายของแต่ละคำและหลักการใช้ลึกลงไปอีกซักนิดส์เพื่อการเลือกใช้ได้เคลียร์ขึ้น
     
     2.1 Above
           คำว่า Above มักจะถูกใช้บอกว่าของบางอย่างอยู่เหนือแบบเยื้องขึ้นไปโดยไม่ได้อยู่ด้านบนตรงๆ 
           ตัวอย่าง เช่น The small house is above the lake. 
           (แปล: บ้านหลังเล็กตั้งอยู่เหนือ ทะเลสาบ)
           x ซึ่งในกรณีนี้จะไม่นิยมใช้คำว่า over ... เพราะอะไร คำตอบอยู่ข้อถัดไปเลยจย้าา 


     2.2 Over
           คำว่า Over จะถูกใช้เพื่อบอกว่าของสิ่งหนึ่ง ปกคลุม(cover) อีกสิ่งหนึ่งอยู่
           ตัวอย่างเช่น There is cloud over the South of England.
           (แปล: มีเมฆปกคลุม(เหนือ)อังกฤษทางตอนใต้)
______________________________________________________________

ฟางหวังว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะฮ้าบ และหากมีคำถามหรือคำติชมทุกท่านสามารถฝากข้อความไว้ได้เลย ทุกคำถามและคอมเม้มจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนทั้งตัวฟางเองและทุกท่านค่ะ หากผิดพลาดไปประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ 



"When you are learning a language, remember to slow down and enjoy the process. 
The language itself is often as enjoyable as the end goal. "


Have Fun With It!

If you have any questions, feel free to ask and comment! 

THANK YOU!!